- Home
- Our Tips
(Non) secret tips for good health: how to simply maintain good physical and mental health? Did you know how dangers from food and daily conducts affect your health? Gracz would like to give you some of the (non) secret tips for maintaining good health...
ทานไม่ต้องปลอก มีเปลือกนอกไว้นี่แหละดี !
ไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนที่เป็นเนื้อขาว ๆ หรือตัวเปลือกสีเขียวของแตงโม ล้วนแต่เป็นส่วนที่ไม่ควรทิ้งอย่างยิ่ง แม้หลาย ๆ คนจะคิดว่าเป็นส่วนที่ไม่ควรรับประทานเพราะอาจจะมีสารเคมีตกค้าง ทั้ง ๆ ที่ส่วนของเปลือกอุดมไปด้วยไลโคปีน (Lycopene) เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) และซิทรูลีน (Citrulline) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่เช่นเดียวกับเนื้อแตงโม โดยซิทรูลีนนั้นมีฤทธิ์ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด และช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการของโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วยนะคะ
ที่มา : Kapook
โกโก้ เครื่องดื่มสร้างสุข
โกโก้ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่ใคร ๆ ต่างชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้คนที่รับประทานเข้าไปมีความสุขอีกด้วย ซึ่ง Elizabeth Somer นักโภชนบำบัดและผู้เขียนหนังสือ Eat Your Way to Happiness ได้อธิบายว่าในโกโก้มีสารประกอบมากกว่า 300 ชนิดที่ส่งผลกระทบในแง่บวกแก่สารเคมีที่อยู่ในสมอง ซึ่งสารบางชนิดก็ช่วยเพิ่มระดับของเอ็นดอร์ฟินและเซโรโทนินในสมอง ซึ่งสารทั้งสองชนิดเป็นสารที่ทำให้อารมณ์ดี แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบทานช็อกโกแลตแท่งละก็ ลองเปลี่ยนมาจิบเครื่องดื่มโกโก้ร้อน ๆ ก็จะช่วยทำให้อารมณ์ดีได้เช่นกันค่ะ
ที่มา : Kapook
โกโก้ , เครื่องดื่ม , ประโยชน์ , สุขภาพ
กิมจิ อาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารประจำชาติเกาหลีอย่างกิมจิ เป็นอาหารที่มีการศึกษาพบว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะมีการศึกษาหนึ่งพบว่าเจ้าแบคทีเรียกรดแลคติกที่อยู่ในกิมจิ และอาหารชนิดอื่นอย่างเช่นโยเกิร์ตช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้ นอกจากนี้ในกิมจิก็ยังมีกระเทียมเป็นส่วนผสม และกระเทียมก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกายอยู่เพียบเหมือนกัน
ที่มา : Kapook
พริกขี้หนู รสเด็ดเผ็ดจี๊ด แต่ประโยชน์ครบเซ็ต
พริกขี้หนูถือว่าเป็น "ราชินีของพริก" เพราะเหตุที่มีรสเผ็ดจัดจ้านสุด ๆ นั่นเองที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในตัวเขามีน้ำมันระเหยที่มีฤทธิ์เป็นด่างอย่างหนึ่ง ในชื่อว่าแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งจะสะสมตัวมากอยู่ที่บริเวณเมล็ดและรกของพริก (ทุกชนิด) แถมยังมีคุณสมบัติพิเศษสุดยอดตรงที่สามารถทนความร้อนได้ดีแม้ว่าจะผ่านกระบวนการทำให้สุกหรือตากแดดร้อน ๆ จนแห้งแล้วก็ตาม แต่ความดุเด็ดเผ็ดร้อนของรสชาติยังคงไว้เช่นเดิม
และใช่ว่าจะมีความเผ็ดให้น้ำหูน้ำตาได้ไหลเพียงอย่างเดียวนะจะบอกให้เพราะพริกขี้หนูเม็ดเล็ก ๆ แบบนี้ยังอัดแน่นไปด้วยสารอาหารตัวจำเป็น ชนิดที่พืชผักอื่น ๆ เขามีกันครบเซ็ตแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ที่คุณอาจไม่เชื่อก็คือ ปริมาณของแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีนั่นมีสูงมากกว่าผักทั่วไปหลายสิบชนิดทีเดียว แถมยังให้ไฟเบอร์หรือกากใยอาหารสูง พร้อมกับเบต้าแคโรทีนตัวเก่งในปริมาณสูงถึง 140.77 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัมอีกด้วย
ที่มา : Kapook
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ
ในบรรดาถั่วทุกชนิด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ถือเป็นถั่วที่มีปริมาณไขมันน้อยที่สุด แถมภายในเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นก็ยังอุดมไปด้วยกรดโอเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่พบได้มากในน้ำมันมะกอก โดยเจ้ากรดโอเลอิกนี้เป็นกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะจากการศึกษาพบว่า กรดโอเลอิกจะเข้าไปลดปริมาณไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง และลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
อีกทั้งแมกนีเซียมในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ยังช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันไม่ให้หัวใจวาย ไม่เพียงเท่านั้น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ยังไม่มีคอเลสเตอรอลให้กวนใจ ใครที่อยากให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขอแนะนำให้หามารับประทานเลยค่ะ
ที่มา : Kapook
บอกลาสักทีกับภาชนะพลาสติกเก่าเก็บ
ใครที่มีภาชนะพลาสติกที่ใช้มาหลายปี ได้เวลาโละทิ้งได้แล้วค่ะ เพราะภาชนะแบบเก่าเก็บที่คุณใช้อาจจะไม่มีสารเคลือบเพื่อป้องกันสารเคมีจากพลาสติก ยิ่งถ้าเป็นภาชนะพลาสติกที่ใช้กับความร้อนด้วยละก็ ยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ เพราะสารที่อยู่ในพลาสติกเก่าเก็บนั้นอาจจะละลายลงไปเจือปนในอาหารจนเป็นอันตรายได้ค่ะ
ที่มา : Kapook
เมล็ดแฟลกซ์ ลดคอเลสเตอรอลก็ดี ต้านมะเร็งก็เริด
เมล็ดแฟลกซ์ ธัญพืชตัวนิด ผลผลิตจากต้นลินิน ของดีสรรพคุณล้ำค่า ทั้งป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย และควบคุมน้ำหนักได้ดีเยี่ยม
นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดแฟลกซ์ ถือเป็นอาวุธที่ล้ำค่าในการป้องกันโรคมะเร็งเลยเชียวล่ะ เนื่องจากสารนี้จะเข้าไปป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ให้เซลล์เหล่านั้นมีความเสี่ยงเป็นเซลล์มะเร็ง โดยมีการค้นพบว่าเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดแฟลกซ์สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคมะเร็งลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ทั้งนี้ก็ควรระมัดระวังในการใช้ เพราะหากผู้หญิงรับประทานมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน เนื่องจากการได้รับสารไฟโตเอสโตรเจนที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของระบบฮอร์โมนและกลายเป็นโรคมะเร็งเต้านมในที่สุดค่ะ
ที่มา : Kapook
ติดหน้าจอระวังไว้ แสงสีฟ้าทำร้ายร่างกายและสมอง !
แม้จะรู้มาบ้างว่าการจ้องหน้าจอมือถือนาน ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อสุขภาพ แต่สังคมทุกวันนี้ก็ยังไม่หลุดพ้นจากคำว่าสังคมก้มหน้าสักที ซึ่งการติดจอมือถือแบบนี้รู้ไหมคะว่าไม่ได้กระทบไปที่สุขภาพดวงตาของเราเท่านั้นนะ แต่เจ้าแสงสีฟ้าที่หน้าจอสมาร์ทโฟนยังอาจส่งผลกระทบไปถึงการทำงานของร่างกายและสมองเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหากจ้องหน้าจอมือถือก่อนเข้านอน
ผลกระทบที่ตามมานั้นมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันค่ะ
→ ขี้หลงขี้ลืม เพราะนอนไม่พอสมองก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานและการจดจำของสมองก็จะเสื่อมลง เห็นได้ชัดในวันรุ่งขึ้นเลย
→ เรียนรู้ช้าลง เมื่อสมองไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วจะเอาแรงที่ไหนมาบันทึกข้อมูลที่คุณเรียนรู้และควรต้องจดจำกันล่ะ
→ เสี่ยงมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก นักวิจัยส่วนใหญ่เผยว่า โรคมะเร็งบางชนิดก็สามารถกำเริบได้ หากมีพฤติกรรมนอนน้อย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้
→ เสี่ยงโรคต้อกระจก หากจ้องอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานกว่าสิบชั่วโมงในแต่ละวัน อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพตา ไม่ว่าจะปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า สายตาสั้น และอาจทำให้เกิดต้อกระจกขึ้นได้เร็วขึ้น
รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมตีตัวออกห่างจากอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้กันบ้างนะคะ
ที่มา : Kapook
ของดีนั้น คือ ชีส !
หลายคนเห็นชีสเป็นไม่ได้ ต้องนึกอยากกินซะเดี๋ยวนั้น ขอบอกเลยว่า กินเข้าไปเลยค่ะ มีประโยชน์เหมือนกันนะ !
สารอาหารที่มีอยู่ในชีสอัดแน่นไปด้วยโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 เทียบเท่าสารอาหารที่มีอยู่ในนมเลยค่ะ ทว่าน้ำตาลแลคโตสของชีสจะมีระดับต่ำกว่านม ดังนั้นคนที่มีอาการแพ้น้ำตาลแลคโตสในนมจึงสามารถรับสารอาหารที่มีอยู่ในชีสแทนนมได้สบาย ๆ
นอกจากนั้น ไขมันอิ่มตัวที่มีอยู่ในชีสได้รับการยืนยันจาก Harvard School of Public Health แล้วว่า มีส่วนช่วยปลุกความตื่นตัวและให้พลังงานกับร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ทว่า...การรับประทานไขมันอิ่มตัวจากชีสก็ควรต้องจำกัดปริมาณกันสักหน่อย เนื่องจากหากรับประทานไขมันอิ่มตัวมากจนเกินไปอาจเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ความดัน และโรคอ้วนได้ง่าย ๆ ซึ่งประเด็นนี้ทาง Harvard School of Public Health ก็แนะนำว่า หากรับประทานชีสแค่พอหอมปากหอมคอทุกวัน แทนขนมขบเคี้ยวอย่างคุกกี้ หรือขนมแคลอรีสูงอื่น ๆ ชีสจะช่วยให้ความอยากอาหารขยะลดลงได้ด้วยนะ เพราะแค่ฟินกับความมันของชีสก็คงไม่อยากกินอาหารรสเลี่ยนอื่น ๆ อีกแล้วล่ะเนอะ ^_^
ที่มา : Kapook
ถั่วแดง ธัญพืชไทยมากคุณค่า
ถั่วแดง (Red Kidney bean) จัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างหนึ่ง โดยโปรตีนที่ได้จากถั่วแดงนั้นมีคุณค่าทางอาหารเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์เลยทีเดียวค่ะ แถมยังไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย
การรับประทานถั่วแดงนอกจากจะให้พลังงานแก่ร่างกายที่สูงแล้ว ยังทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีธาตุเหล็ก ที่ช่วยบำรุงโลหิต วิตามินบีหลายชนิด และมีแคลเซียมสูง การรับประทานเป็นประจำสามารถช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันภาวะกระดูกเสื่อม ป้องกันโรคกระดูกพรุน และแคลเซียมยังมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้ออีกด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม การบริโภคธัญพืชเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น เราควรเลือกธัญพืชที่ยังไม่ผ่านกระบวนการขัดสี เพราะธัญพืชที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตจะมีสารอาหาร มากกว่าธัญพืชที่ผ่านการขัดสีนะคะ
ที่มา : สสส.
น้ำมะนาวอุ่น เครื่องดื่มดีๆยามเช้า
ผสมน้ำอุ่น 1 แก้วกับมะนาว 1 ลูกเต็ม ๆ เข้าด้วยกัน อาจจะเติมเกลือเพิ่มรสกลมกล่อมลงไปสักหน่อยก็ได้ แค่น้ำมะนาวแก้วเดียวนี่ล่ะค่ะเอาอยู่ทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องผูก ความอ้วน หรือความเหนื่อยล้า ปัญหากลิ่นปาก อาหารไม่ย่อย และอีกสารพัดความไม่ปกติของร่างกาย ไม่เชื่อต้องลองพิสูจน์ค่ะ
ที่มา : Kapook
ทำไม? ดื่มกาแฟแล้วต้องดื่มน้ำตาม
กาแฟนั้นมีประโยชน์ไม่น้อย แต่รู้หรือไม่คะว่า ถ้าดื่มมากไปจะยิ่งสูญเสียน้ำในร่างกายมากขึ้น!
ว่าแล้วชวนมาดื่มกาแฟให้ถูกสุขลักษณะกันหน่อยดีกว่า ตามคำแนะนำของ ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ย้ำเตือนคอกาแฟให้ทราบว่า ไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้วใหญ่ ๆ เพราะกาแฟ 1 แก้ว มีคาเฟอีน 50 มิลลิกรัม ซึ่งคาเฟอีนเป็นตัวไปกระตุ้นให้เกิดการขับปัสสาวะหรือขับน้ำออกจากร่างกาย 250 ซีซี ดังนั้น หลังจากดื่มกาแฟแล้วต้องดื่มน้ำเปล่าตามทุกครั้งด้วย เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป และน้ำยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังเหี่ยวย่นได้
ส่วนใครที่ชอบซื้อกาแฟเย็นตามร้านค้า จะได้บริโภคน้ำตาลมากขึ้นไปด้วย ดังนั้นถ้าดื่มได้โดยไม่ใส่น้ำตาลจะดีกว่า แต่ถ้าไม่ชอบดื่มกาแฟรสขม ก็แนะนำให้ใช้น้ำตาลซองขนาด 4 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณความหวานที่พอดี เพื่อจะได้ไม่ต้องบริโภคน้ำตาลมากเกินปริมาณที่เหมาะสมนั่นเองค่ะ
ที่มา : Kapook
สุขภาพ , เครื่องดื่ม , กาแฟ , ร่างกาย , น้ำ
เสี่ยงโรคเบาหวาน หากไม่ทานอาหารเช้า
การไม่รับประทานอาหารเช้าจะส่งผลให้การเริ่มต้นระบบเผาผลาญของร่างกายช้าลง ร่างกายจึงรู้สึกหิวตลอดเวลา และกินอาหารในมื้อถัดไปมากยิ่งขึ้น กินจุบกินจิบ และมักเลือกเมนูอาหารที่ให้พลังงานสูงทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การอดอาหารเช้ายังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน เนื่องจากคนที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ จะลดภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือภาวะดื้อของอินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 35–50 และผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกายังพบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจอีกด้วย
ที่มา : กรมอนามัย
แอปเปิลสีเขียว ผลไม้เพื่อสุขภาพ
แอปเปิลสีเขียว ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้สำหรับการลดน้ำหนักเลยเชียวละ เพราะรสชาติของแอปเปิลเขียวที่แตกต่างและมีน้ำตาลน้อย ทำให้รับประทานได้แบบไม่กลัวอ้วน นอกจากนี้เปลือกเขียว ๆ ของแอปเปิลเขียวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นใยอาหารที่มีสูง ช่วยในระบบขับถ่าย ทำให้ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็งและริ้วรอยแห่งวัย รวมทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารได้อีกด้วยล่ะ
ที่มา : Kapook